เวียงกุมกาม
|
| 2529 ร่องรอยประวัติศาสตร์เวียงกุมกาม การขุดแต่งทางโบราณคดีพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งที่ เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษรจำนวนมาก ซึ่งเป็นการขุดพบข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ถิ่น รัติกนก(2451-2538)เคยพบเศษจารึกวัดกานโถมเมื่อ พ.ศ. 2509-2511 2529 สรัสวดี อ๋องสกุล ได้เริ่มทำวิจัยเรื่องเวียงกุมกาม ทำให้ทราบว่าบริเวณนี้เคยเป็นชุมชนมาตั้งแต่สมัยหริภุญไชย ประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 รุ่นเดียวกันกับชุมชนโบราณริมน้ำปิงแห่งอื่นเช่น เวียงมโน เวียงท่ากาน เวียงเถาะ โดยมีเศษจารึกภาษามอญโบราณเป็นหลักฐานครั้นพญามังรายเข้ายึดครองเมืองลำพูนได้แล้ว ก็มาตั้งเวียงกุมกามเป็นศูนย์กลางการปกครองก่อนคิดสร้างเมืองเชียงใหม่ในเวลาต่อมา จาการสำรวจร่องน้ำปิงห่างและปิงเก่าประกอบกับข้อมูลทางธรณีวิทยา ทำให้ทราบสาเหตุที่ทำให้เวียงกุมกามอยู่ใต้แผ่นดินคือการเปลี่ยนแปลงเส้นทางของสายน้ำปิงห่างโดยการทับถมของตะกอนทราบปรากกให้เห็นเด่นชัด(ดู สรัสวดี อ๋องสกุล เวียงกุมกาม:การศึกษาชุมชนโบราณในล้านนา เชียงใหม่ 2537) ศักราชสร้างเวียงกุมกาม
|
| เมื่อพญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ.1839 แล้ว เวียงกุมกามยังได้รับการบำรุงสืบมา ร่องรอยปูนปั้นเจดีย์วัดปู่เปี้ย ซึ่งเหมือนกับวัดเจ็ดยอดเป็นหลักฐานที่ทำให้ทราบว่ามีการทนุบำรุงถึงสมัยพญาเมืองแก้วเป็นอย่างน้อยทั้งนี้มีหลักฐานเอกสาร ระบุว่าพญาเมืองแก้วเสด็จไปเวียงกุมกามเมื่อ พ.ศ. 2062 (สรัสวดี อ๋องสกุลเวียงกุมกาม ) ปลายสมัยพญาเมืองแก้วใน พ.ศ. 2067 เกิดอุทกภัยใหญ่ในเมืองเชียงใหม่คนตายมาก(ตำนานเพื้นเมืองเชียงใหม่)แม้น ไม่ได้กล่าวถึงเวียงกุมกามซึ่งนำปิงท่วมเป็นประจำดังหลักฐานกล่าวว่า "ยามกลาววรรษาน้ำท่วมฉิบหายมากนัก" (พศาวดารภาคที่ 61)ก็กล่าวได้ว่าครั้งนั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่เวียงกุมกามด้วย ปลายสมัยราชวงศ์มังรายคือสมัยท้าวแม่กุ (พ.ศ.2094-2101) แม่นำปิงนังใหลอยู่ตามแนวปิงห่างแสดงว่านำปิงยังไม่ เปลี่ยนสายทางเดิน แต่สมัยกองทัพธนบุรีที่ขึ้นมาขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ.2317มาพักทัพที่ท่าวังตาลริมน้ำปิง เส้นทางปัจจุบันแล้ว แสดงว่าแม่น้ำปิงเปลี่ยนทางเดินครั้งใหญ่ในช่วงพม่าปกครองเมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. 2101-2317)โดยไม่พบเอกสารระบุปี หลังจากการขุดแต่งทางโบราณคดีตั้งแต่ 2527 พบแต่ตะกอนดิน ทรายและกรวดทับถมโบราณสถานหนาประมาณ1.50-2.30 เมตร (สรัสวดี อ๋องสกุล เวียงกุมกาม ) |
| เวียงกุมกาม:เมืองประวัติศาสตร์ใต้ดิน หลังจากกรมศิลปากรขุดแต่งโบราณคดีช่วงแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2527-2532 ร่องรอยวัดที่อยู่ใต้ดินก็เริ่มปรากฏให้เห็นทั้งวัดพบรากฐานค่อนข้างสมบุรณ์ ครั้น พ.ศ.2544 รัฐบาล พตท.ทักษิณ ชินวัตร จัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 58,000 ล้านบาทให้โครงการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองประวัติศาสตร์เวียงกุมกามจำนาน 39.4 ล้านบาท งบประมาณดังกล่าว ส่วนหนึ่งใช้ในการขุดแต่งทางโบราณคดีเพิ่มเติมอีก 3-4 แหล่ง พบวัดแห่งใหม่เพิ่มขึ้น |
1. พบซุ้มประตูโขงบริเวณริมแม่น้ำปิงห่าง ทางเดินปูด้วยอิฐเข้าวัด
ยิ่งขุดยิ่ง พบร่องรอยถาวรวัตถุในวัดมากขึ้น 2.พบวิหารขนาดใหญ่ 2 วิหารคู่กันโดยเปิดหน้าดินไว้ เพียงวิหารเดียวส่วนอีวิหารหนึ่งยังคงอยู่ใต้ดิน 3. พบวิหารอยู่ริมถนนเข้าชุมชนเวียงกุมกาม ทำให้เห็นว่าถ้าหากทำการสำรวจเพิ่มขึ้น ทั้งหมดของเวียงกุมกามและมีการขุดแต่ง ทางโบราณคดีทุกแหล่งรวมกันรวมทั้ง ร่องรอยของปิงห่างเมืองประวัติศาสตร ใต้ดินก็จะปรากฏชัดมากขึ้นอีกและอย่างข่อนข้างสมบูรณ์




